วันที่ 13 มิถุนายน 2565 ซันเดย์ ไทม์ส สื่อดังเมืองผู้ดีเปิดเผยเบื้องหลังที่ทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2 ทีมคู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในการคว้าตัว ดาร์วิน นูเญซ ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยมาเสริมทัพได้สำเร็จนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือชาวเยอรมัน และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่ช่วยเดินหน้าในการเจรจามาตั้งแต่ต้น
แหล่งข่าวระบุว่า ดาร์วิน นูเญซ วัย 22 ปี ได้รับความสนใจจาก แมนยูฯ และ นิวคาสเซิล เช่นกัน แต่สาเหตุสำคัญที่ ลิเวอร์พูล สามารถมัดใจกองหน้าเนื้อหอม ให้ย้ายจาก เบนฟิกา มาร่วมงานด้วยกันได้สำเร็จ เนื่องจากทั้ง คลอปป์ และ ฟาน ไดค์ ได้เข้าไปคุยกับเจ้าตัวทันที หลังจบการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีม ซึ่ง “หงส์แดง” โคจรมาปะทะกับ “เหยี่ยวลิสบอน” เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พอดี
การพบกันระหว่างทั้ง 2 ทีม ดาร์วิน นูเญซ สามารถระเบิดฟอร์มให้ ลิเวอร์พูล ได้เห็นด้วยการทำนัดละ 1 ประตูจากการพบกันทั้ง 2 เลก เริ่มจาก เบนฟิกา เปิดบ้านแพ้ 1-3 ในเกมแรก ก่อนที่จะบุกมาเสมอ 3-3 ที่แอนฟิลด์ ทำให้ คลอปป์ และ ฟาน ไดค์ ไม่รอช้า เข้าไปคุยกับหัวหอกทีมชาติอุรุกวัยทันที จากนั้นก็สานงานต่อด้วยการเริ่มเปิดฉากเจรจาอย่างจริงจังหลังจบฤดูกาล
ล่าสุด ลิเวอร์พูล สามารถตกลงค่าตัวกับ เบนฟิกา ได้แล้วที่มูลค่ารวม 85 ล้านปอนด์ (3,697 ล้านบาท) ซึ่งทำให้ ดาร์วิน นูเญซ จะกลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของ “หงส์แดง” แทน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ย้ายมาจาก เซาแธมป์ตัน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (3,262 ล้านบาท) เมื่อเดือนมกราคม ปี 2018 พร้อมตกลงสัญญาส่วนตัวกับกองหน้าคนใหม่ได้ที่ 6 ปี ค่าเหนื่อยสัปดาห์ละประมาณ 120,000 ปอนด์ (5.22 ล้านบาท)
สนับสนุนโดย เกมมัน