1.เกมที่สู้กันด้วยชั้นเชิง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกมนี้เป็นหนึ่งในการปะทะกันระหว่างสองทีมระดับคุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยเทคนิคชั้นสูง ซึ่งต่างฝ่ายต่างพยายามงัดลูกไม้ต่าง ๆ สาดเข้าใส่กันตลอดเวลา มีการโชว์ทักษะ โชว์เทคนิคหลอกกันหัวทิ่มหัวตำล้มลุกคลุกคลาน
ด้าน บาเยิร์น ก็ยังคงตอกย้ำถึงมาตรฐานระดับท็อป ส่วน บาร์เซโลนา ก็ดูเหมือนจะเริ่มกลับมาสู้เส้นทางการเป็นยักษ์ใหญ่อีกครั้ง จนเป็นเกมที่เปิดหน้าแลกกันอย่างสนุกไม่ใช่การถูกอัดฝ่ายเดียวเหมือนนัดก่อน ๆ ที่ทั้งคู่เคยพบกัน
2. ตัดสินกันที่ความเฉียบคมล้วนๆ
เกมนี้ต้องบอกว่า บาร์เซโลนา แทบจะไม่ได้ดูเป็นรองเลยทั้งโอกาสเข้าทำหรือแม้แต่การครอบครองบอล แต่สิ่งที่แตกต่างจนส่งผลให้พวกเขาพ่ายแพ้กลับไปก็คือความเฉียบคมที่วันนี้ยิงนกตกปลาแบบไม่หน้าให้อภัยหลายครั้ง ทั้งจังหวะของ เลวานดอฟสกี้ ที่ได้จบเหน่ง ๆ หลายครั้ง
และจังหวะของ เปดรี้ ที่หลุดไปขนาดนั้นแต่กลับยิงไม่ตรงกรอบ ขณะที่ บาเยิร์น พวกเขาใช้โอกาสที่มีได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจจะไม่ต้องบุกแหลก แต่รอโอกาสและจบคม ๆ จนเป็นสองประตูช่วยให้ทีมคว้าชัยไปในที่สุด
3.จุดโทษไหม?
เกมนี้มีจังหวะเจ้าปัญหาในครึ่งเวลาแรก เป็นจังหวะที่ อุสมาน เดมเบเล กระชากเข้าเขตโทษก่อนที่จะถูก อัลฟอนโซ เดวีย์ส เกี่ยวล้มลงไป ซึ่งจังหวะนั้นบอลยังไม่ตายทำให้เกมดดำเนินต่อ กระทั่งผู้ตัดสินให้สัญญาณว่าเช็ค VAR แล้วไม่เป็นการฟาวล์
แต่หากเราดูจากภาพช้า เดวีย์ส ไม่ได้สะกัดโดนบอลเลยแม้แต่น้อย แถมยังก้าวขาไปขวางทางจนทำให้ เดมเบเล เสียการทรงตัวล้มลงไป ซึ่งทางผู้บรรยายภาษาอังกฤษและนักวิเคราะห์ต่างเห็นตรงกันว่าลูกนี้ชัดเจนว่าเป็นจุดโทษแน่นอน
4. เปดรี้ มูเซียลา อนาคตวงการอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งไฮไลท์ในเกมนี้คือการโชว์เทคนิคอันแพรวพราวของสองดาวเตะสายเลือดใหม่ของทั้งสองทีมทั้ง จามาล มูเซียลา ตัวรุกดีกรี แมนออฟเดอะแมทช์ ในเกมนี้ ที่ทำได้หนึ่งแอสซิสต์บวกการการโชว์ลีลาความพริ้วให้แฟน ๆ ได้ชมตลอดทั้งเกม
เช่นเดียวกับ เปดรี้ ที่รายนี้เรียกได้ว่าเทพ “ของจริง” ถอดแบบมาจาก อันเดรส อิเนียนต้า เป๊ะ ๆ ทั้งทักษะลีลา การไปกับบอลได้ดี เลี้ยงบอลติดเท้า แต่ติดอย่างเดียวที่ลูกหลุดไปจ่อ ๆ กลับยกบอลไปชนเสา ไม่ฉนั้นคงหล่อกว่านี้อีกเป็นกองแน่นอน
สนับสนุนโดย เกมมัน