แนวรุกวัย 34 ปี ทำ 1 แอสซิสต์ บวกกับ 1 จุดโทษ ช่วยให้ เรอัล มาดริด แซงเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้รวมผลสองนัด “ราชันชุดขาว” ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์รวม 6-5 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปเจอกับ ลิเวอร์พูล ในวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้
จากประตูในเกมที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ทำให้ เบนเซม่า ทำไปแล้ว 15 ประตูเกมถ้วยใหญ่ของยุโรปฤดูกาลนี้ อีกทั้งยังเป็นประตูที่ 10 ในรอบน็อคเอาท์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่ากับที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เคยทำเอาไว้
นอกจากนี้ เบนเซม่า ยังเป็นแข้งรายที่ 4 ที่ทำประตูได้ทั้งเกมเหย้า และเยือนในรอบก่อนรองชนะเลิศและรอบรองชนะเลิศ อีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นเป็นประตูที่ 43 ใน 43 นัดทุกรายการฤดูกาลนี้
ทั้งนี้หากเกมนัดชิงชนะเลิศ กับ ลิเวอร์พูล ที่ สต๊าด เดอ ฟรองซ์ หากกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส มีชื่อทำประตู ก็จะทำลายสถิติ ของ โรนัลโด้ และยังมีลุ้นเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในฤดูกาลเดียว โดยสถิติปัจจุบันก็เป็นของ โรนัลโด้ ที่ทำไว้ 17 ประตูเมื่อฤดูกาล 2013-2014
โดยเวลานี้ เบนเซม่า ทำประตูกับ เรอัล มาดริด ไปแล้ว 322 ประตู รั้งอันดับ 3 ตลอดกาลตามหลัง ราอูล กอนซาเลซ อยู่เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้นในตอนนี้ ส่วนอันดับ 1 เป็นของ โรนัลโด้ ทำไป 450 ประตู
สนับสนุนโดย เกมมัน